วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

องค์ความรู้




ชนบท
ความหมาย[ชนนะบด] น. บ้านนอก, เขตแดนที่พ้นจากเมืองหลวง ออกไป. (ป., ส. ชนปท).
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาพื้นฐานของภาคตะวันออกเฉียงหรือภาคอีสาน ก็คือ การเพาะปลูกได้เพียงฤดูเดียว คือ ฤดูฝนพื้นที่ชนบทส่วนนี้ต้องพึ่งธรรมชาติเป็นสำคัญ เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่ดอน ยากแก่การทำระบบชลประทาน การเก็บกักน้ำทำได้ยาก เนื่องจากดินส่วนใหญ่เป็นดินทราย ดังนั้นการเพาะปลูกจึงทำได้เฉพาะข้าวนาปี ซึ่งคิดพื้นที่ในภาคอีสานทั้งหมดที่ปลูกข้าวนาปีมีถึงร้อยละ ๘๕ ใน พ.ศ. ๒๕๒๒ มีพื้นที่บางส่วนทำการปลูกพืชไร่ครั้งเดียว เช่น ปอ ข้าวโพด ส่วนฤดูแล้ง คนชนบทเหล่านี้จะเก็บผัก หาปลา จับสัตว์ ตัดฟืน เลี้ยงสัตว์ ซ่อมบ้าน ฯลฯ บางส่วนก็จะเข้ามาหางานทำ โดยการรับจ้างในตัวเมืองหรือจังหวัดอื่นๆ หรือมาหางานทำในกรุงเทพฯ พอถึงฤดูทำนาก็จะกลับบ้านเพื่อช่วยครอบครัวทำนา บางคนไม่อยากกลับก็จะส่งเงินไปให้ทางครอบครัว จ้างคนมาช่วยทำงานแทน ข้าวที่ชาวนาในภาคอีสานปลูกเป็นส่วนใหญ่ จะเป็นข้าวเหนียว ทั้งนี้เพราะชาวอีสานนิยมบริโภคข้าวเหนียว กับอาหารประเภทน้ำพริก ปลาร้า ส้มตำ ซุบหน่อไม้ ฯลฯ ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้าน ผลิตผลของข้าวนาปีในภาคอีสานนี้ก็ยังต่ำมาก คือผลิตได้เพียงไร่ละ ๒๐-๒๕ ถัง ที่ผลิตผลของข้าวได้ต่ำเช่นนี้ เนื่องมาจากคุณภาพของดินไม่เหมาะสม ขาดความอุดมสมบูรณ์ ในบางแห่งมีปัญหาเรื่องดินเค็ม ดินเป็นทราย หรือดินที่มีหินและดินลูกรัง บางแห่งดินเค็มถึงขนาดบนผิวดินจะปรากฏคราบของเกลืออย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทำให้ผลิตผลของข้าวในที่นาที่เป็นดินเค็มเฉลี่ยได้เพียง ๑๒-๑๕ ถังต่อไร่เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ แม้ชาวนาในแต่ละครัวเรือนของภาคอีสานจะมีที่ดินของตนเองและมีที่ดินถือครองเพื่อการทำนาเฉลี่ยถัง ๑๔ ไร่ต่อครัวเรือน ซึ่งสูงกว่าภาคอื่นๆ แต่ปัญหาต่างๆ ดังกล่าวทำให้ผลิตผลของข้าวที่ชาวนาผลิตได้ไม่มากนักและในบางกรณีก็พอเพียงที่จะกินภายในครัวเรือนในแต่ละปีเท่านั้น โดยแต่ละครัวเรือนจะมีสมาชิกหรือคนในบ้านเฉลี่ย ๖ คน ซึ่งถ้าปีใดฝนไม่ตกตามฤดูกาล ปีนั้นคนชนบทบางส่วนในภาคอีสานนี้ก็ต้องอดข้าวหรือต้องอพยพไปที่อื่นเพื่อยังชีวิตไว้
ภาคเหนือ คนชนบทในภาคเหนือที่ยากจนมักจะบุกรุกเขตป่าไม้เพื่อเป็นที่ทำกิน ในปีแรกๆ พื้นที่เหล่านั้นยังอุดมสมบูรณ์ก็ให้ผลิตผลข้าวหรือพืชไร่สูงพอสมควร แต่ในเมื่อใช้ที่ดินนั้นเพาะปลูกไปนานปีเข้า โดยไม่ได้ทำนุบำรุงดินให้มีธาตุอาหาร ที่ดินนั้นก็เสื่อมคุณภาพ ผลิตผลก็จะต่ำลงมาก เช่น ข้าวไร่จากเดิม ๓๐ ถังต่อไร่ อาจเหลือเพียง ๒๐ ถังต่อไร่ พันธุ์ข้าวที่ใช้ยังเป็นพันธุ์เดิม นอกจากนี้พืชไร่ที่นิยมปลูก คือ ข้าวโพด ก็มีลักษณะเดียวกันกับข้าวไร่ ซึ่งเป็นการเพาะปลูกเพียงฤดูเดียวคือ ฤดูฝน ส่วนฤดูแล้งขาดน้ำในการเพาะปลูกเนื่องจากที่ดินเป็นหินดินดาน และดินทราย ไม่เก็บความชุ่มชื้น และคุณภาพของหน้าดินเสื่อมเร็วกว่าปกติเมื่อถูกฝนชะล้างผิวหน้าดิน คนชนบทยากจนในภาคเหนือนี้มีทั้งคนไทยและคนไทยภูเขา สำหรับในเขตที่สูง มีปัญหาการทำไร่เลื่อนลอย คือ การย้ายที่ทำการเกษตรไปเรื่อยๆ ซึ่งมีอยู่มากเป็นปัญหาสำคัญประการหนึ่งในเขตนี้ ในเขตชนบทยากจนในภาคเหนือนี้ มีคนจำนวนมากที่ไม่มีที่ดินทำกิน คนเหล่านี้มีรายได้หลักจากการประกอบอาชีพด้วยการนำทรัพยากรธรรมชาติในป่ามาขาย เช่น หาของป่า หาน้ำผึ้ง เก็บใบตอง ไม้ไผ่ หน่อไม้ ฯลฯ บางพวกก็รับจ้างทำงานในไร่นาตลอดทั้งปี บางพวกก็ต้องอพยพไปทำงานที่อื่นเช่นเดียวกับคนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ภาคใต้ คนชนบทส่วนใหญ่ในภาคใต้ มักประกอบอาชีพทำสวนยาง ยางพาราเป็นพืชที่เหมาะสมกับลักษณะภูมิอากาศของภาคใต้ คือ ฝนตกชุ่มชื้นเกือบตลอดปี โดยปกติการทำสวนยางให้รายได้ค่อนข้างสูง แต่ก็มีชาวสวนยางบางส่วนที่ยากจน เนื่องจากมีสวนยางขนาดเล็กคือต่ำกว่า ๑๑ ไร่ต่อครัวเรือน และเป็นยางพันธุ์เก่าที่ให้ผลิตผลต่ำเพียง ๓๐-๖๐ กิโลกรัมต่อไร่ ดังนั้นชาวสวนยางประเภทนี้เมื่อว่างจากงานในสวนของตนก็ต้องรับจ้างทำงานในสวนยางของผู้อื่น เพื่อหารายได้มาจุนเจือครอบครัว เนื่องจากการดำรงชีวิตในภาคใต้นี้เงินมีส่วนสำคัญ เพราะข้าวปลาอาหารเป็นสิ่งที่ต้องซื้อหาทั้งสิ้น ไม่สามารถปลูกได้พอกินเช่นในภาคอื่นๆ การทำนาในภาคใต้ก็ทำกันน้อย ชาวนาภาคใต้ที่มีฐานะยากจน ส่วนใหญ่ทำนาครั้งเดียวโดยอาศัยน้ำฝน โดยทั่วไปจะมีเนื้อที่ทำนาน้อยเฉลี่ยเพียง ๙ ไร่ต่อครัวเรือน และผลิตผลของข้าวเฉลี่ยได้เพียง ๒๗ ถังต่อไร่ เนื่องจากพื้นที่ทำนาข้าวบางส่วนของภาคใต้มีปัญหา คือ เป็นดินเค็มฝาด มีความกระด้างสูง ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ๘ แสนไร่อยู่ในจังหวัดปัตตานี สตูล ยะลา และนราธิวาส นอกจากนี้ ในบริเวณที่ราบลุ่มชายฝั่งที่ใช้เป็นที่ทำการเพาะปลูกยังประสบปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากลมมรสุมและน้ำทะเลหนุน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น